วันเสาร์ (24/8/67) ได้พาชูก้าไปตรวจสุขภาพ พบว่าอึมีเชื้อโปโตชัวเล็กน้อย หมอเลยหยดยาถ่ายพยาธิและได้ยาฆ่าเชื้อมาให้กิน 0.07 mL เช้า-เย็น หลังจากทานได้ 3 วัน อึน้องมีลักษณะแข็งสลับเหลว โดยส่วนที่เหลวที่สีเขียว เป็นมูก มีกลิ่นเหม็น ซึ่งเด็กๆยังทานอาหารได้ตามปกติ ซึ่งอยากทราบว่าต้องพาไปหาหมอก่อนกำหนดวันไหมคะ ขอบคุณค่ะ

หากโดยปกติมูลแข็งไม่นิ่มมาก่อนเลย ก็ถือว่ามีความเป็นไปได้และสอดคล้องกับการใช้ยาครับ ทั้งนี้ปัจจัยอื่นๆในการเลี้ยงต้องเหมือนเดิม

จากประเด็นนี้จะถือตามที่ผู้ถามแจ้งมานะครับ คือมีเพียง 2 อย่างที่แตกต่างออกไป คือ ยาถ่ายพยาธิ และยาปฏิชีวนะ

พบว่าในลูกสัตว์ ลูกสุนัขและแมว และสัตว์ใดใด เมื่อได้รับยาถ่ายพยาธิ บางตัวสามารถถ่ายเหลวให้พบได้ เพราะยาบางชนิดไปมีผลต่อพยาธิในทางเดินอาหาร และทำให้พยาธิเหล่านั้นตายหรือถูกขับออก มักจะพบมูกปนและมีกลิ่นเหม็นไปด้วย หากเป็นยาชนิดกินบางชนิด อาจเห็นพยาธิออกมาเป็นตัวๆได้ เพราะยาไม่ได้ทำให้พยาธิตายทั้งหมด บางตัวคล้ายอัมพาตและถูกขับออกมาครับ และยาถ่ายพยาธิส่วนใหญ่มีผลทำให้ท้องเดินหรือขับถ่ายมากขึ้นได้ เมื่อผ่านไปอีก 2-3 วันอาการจะค่อยๆดีขึ้นตามลำดับ

ส่วนยาปฏิชีวนะหรือฆ่าเชื้อ ต้องดูว่าเป็นยาชนิดใด ส่วนใหญ่จะมีผลกระทบน้อยในกลุ่มที่นิยมใช้กันอยู่เป็นพื้นฐานในคลินิก อย่างไรก็ตาม ชูการ์ไกลเดอร์มีอาการท้องเสียจากเสียสมดุลจุลินทรีย์ได้ เมื่อได้รับยาบางชนิด แต่พบได้น้อยราย และบางตัวอาจมีอาการแพ้ยาได้ แต่ก็น้อยรายเช่นเดียวกันครับ ยาที่ให้เหล่านี้หากพบว่าเป็นโปรโตซัวจะเป็นผลดีกว่าด้วยซ้ำ ในระยะแรกที่โปรโตซัวถูกกำจัด จะพบมีการดูดซึมยาในเซลล์เยื่อบุทางเดินอาหารที่มีโปรโตซัว ทำให้เชื้อเหล่านี้ตาย จะมีผลกระทบต่อการทำงานและความเสียหายของเซลล์นั้นๆได้ ในระยะแรกจะพบการถ่ายเป็นมูกเหม็นคาวได้เช่นกัน เพียง 2-3 วันอาการก็จะดีขึ้น หากเชื้อมีปริมาณมาก อาการถ่ายเหลวก็อาจจะพบได้นาน แต่ไม่ควรเกิน 1 วันเป็นกรณีที่พบส่วนใหญ่

หากอาการโดยรวมยังดี กินอาหารและน้ำปกติ จะกลับมาถ่ายเป็นปกติครับ แต่หากรุนแรงขึ้นไม่ควรรอ ไปพบหมอทันทีครับ